วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม พ.ศ. 2554

บทความในหนังสือ Thai UK




ใบไม้ผลิ..ที่เชียงใหม่่



๗.๐๐ นาที

“ ตื่นได้แล้ว ตื่นได้แล้วเจ๊า“
ในแสงสว่างยามเช้า แดดฤดูร้อนส่องสว่างรอบห้องพักเล็กๆ ของฉัน ฉันกระพริบตาถี่ๆ เพื่อให้ดวงตาเคยชินกับแสงจ้าๆ ของเมืองในฝั่งตะวันออกแห่งนี้ และเวลาเดียวกัน ฉันก็ทบทวนตัวเอง แบบคนงุนงงงวยเงียว่า ขณะนี้ ฉันกำลังอยู่ที่ไหนกัน?
“ ตื่นได้แล้วเจ๊า แม่เปิ้นเตรียมกับข้าวเช้าฮื้อแล้วเน้อ“
อ้อ ฉันนึกได้แล้ว ฉันกำลังอยู่ที่จังหวัดภาคเหนือของไทย
จังหวัดเชียงใหม่ เพชรน้ำงามของล้านนานี่เอง

๘. ๐๐ นาที

ฉันตื่นนอน อาบน้ำอาบท่า และนั่งหน้าตื่นอยู่ที่โต๊ะอาหาร ฉันนั่งจ้องกับข้าว ที่เต็มไปด้วยอาหารหน้าตาแปลกๆ กับสำรับข้าวเหนียว
ที่ทำโดยสาวเต็มวัยชาวเหนือผู้มีเสียงหัวเราะอยู่เป็นนิจ
“ ทานให้อิ่มๆเน้อ จะได้มีแรงทำงาน“
อาหารบนโต๊ะนั้น ฉันจดเรียงนามได้ดังนี้
แกงขนุน
ยำขนุน
แกงฮังเล
ยำยอดมะขามอ่อนกับปลาแห้ง
ไส้อั่ว แคบหมู น้ำพริกหนุ่ม
แหนมหมก
………………..
ใจฉันนึกไปว่า ฉันคงมีแรงทำงานไปถึงมื้อเย็นโน้นเลยเชียว


๑๐.๐๐ นาที

ฉันนั่งรถสีล้อแดง ต่อจากถนนท่าแพมายังถนนนิมมานเหมินทร์ เสียเงินไปทั้งสิ้น ๓๐ บาท, ราคาไม่ถูก แต่ก็ไม่แพงจนน้ำหูน้ำตาไหล แต่ฉันไม่ทราบว่า เป็นราคามาตราฐานหรือไม่ ในเมื่อรถสี่ล้อแดงไม่มีป้ายราคาบอกต่อลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา จุดนี้เอง ขอให้นักท่องเที่ยวระวังไว้บ้าง หากขึ้นรถ แล้วถูกเรียกราคาจนเกินไป เช่น เรียกไปถึง ๕๐ บาท ก็ขอให้ปฎิเสธเสีย แถมตอนนี้ เชียงใหม่มีรถเมล์ ปอ. กับเขาด้วย ซึ่งจะแล่นในย่านใจกลางเมือง และรอบคูเมือง แถมถึงสถามบินด้วย อย่างนี้น่าจะปลอดภัยกว่า

๑๑.๐๐ นาที

ฉันใช้เวลาดูข้าวของตกแต่งบ้านที่สวยมากๆ ในย่านนิมมานเหมินทร์อย่างสำราญใจ อันที่จริง ฉันได้ยินคำบอกเล่าเก้าสิบมานานแล้วว่า ข้าวของสวยๆงามๆ ในย่านนิมมานเหมินทร์เป็นข้าวของที่ออกแบบแตกต่างจากของที่เราจะพบในบาซ่าร์ทั่วๆไป หากใครมีลูกค้าเพื่อนฝูงชาวตะวันตก ฉันขอแนะนำให้พามาจับจ่ายซื้อของที่นี่ เพราะ
ข้าวของของร้านย่านนี้ออกแบบอย่างปราณีตและเต็มไปด้วยรสนิยม แม้ราคาค่อนข้างจะสูงไปเสียหน่อย แต่ก็นับว่าคุ้ม คือได้ของไม่เหมือนใคร
อย่างผ้าฝ้ายที่ออกแบบลายผ้าได้งดงามไม่มีใครเหมือน เช่น นันทขว้าง ก็อยู่บนถนนสายนี้เช่นกัน


๑๑.๔๐ นาที

ฉันค้นพบว่า เชียงใหม่เจริญขึ้นมาก ไม่ว่าจะร้านอาหาร หรือ ร้านกาแฟ ล้วนมีให้เห็นกันอยู่ทั่วไป แทบจะเรียกได้ว่า มีร้านใหม่ๆตกแต่งทันสมัยเกิดขึ้นทุกตรอกซอกถนน
ซึ่งหากเทียบกับเมื่อหกเจ็ดปีที่แล้ว ในยุคที่เศรษฐกิจตกใหม่ๆ เชียงใหม่ซบเซาไปมาก ร้านรวงต่างพากันปิดตัวลง นักประกอบการรายน้อยรายใหญ่ต่างเก็บตัวอย่างเงียบๆ การเคลื่อนไหวของธุรกิจในเชียงใหม่แทบจะเรียกได้ว่า นิ่งงัน ผู้คนไม่กล้าตัดสินใจทำธุรกิจกันเลย
แต่ในวันนี้,
ฉันเห็นกับตาว่าเชียงใหม่เปลี่ยนแปลงไปมากจริงๆ
ความเจริญอย่างที่ไม่เคยเห็นในยุคไหนๆ ได้มาเคาะประตูชาวเชียงใหม่แทบทุกบ้านเลยทีเดียว
สังเกตจากการขยายถนนใหม่ การขุดสร้างอุโมงค์ลอดถนนอย่างมโหฬาร หรือ การเปิดอุตสาหกรรมในอำเภอสันกำแพงอย่างใหญ่โต ย่อมสะท้อนให้เห็นว่า
ใบไม้กำลังผลิดอกงดงาม ที่เชียงใหม่แล้ว
ผลิอย่างเป็นไปได้ ผลิอย่างมั่นคง และผลิอย่างมีอนาคต

๑๒.๐๐ นาที

ฉันเข้ามานั่งดื่มกาแฟในร้านกาแฟร้านสวยและมีสเน่ห์ร้านหนึ่ง
ร้านมีชื่อดึงดูดใจว่า “ Queen of Cups” ซึ่งอยู่บนถนนนิมมานเหมินทร์นั่นเอง


ด้วยกาแฟที่หอมอบอวลไปทั่วร้าน ทำให้ฉันอดถามถึงกาแฟชื่อดังของที่ร้านไม่ได้ ซึ่งสองบุรุษร่างเล็กท่าทางทะมัดทะแมงผู้กำลังง่วนกับการ “ปรุง“กาแฟอยู่หลังเคาเตอร์ ต่างตอบตรงกันว่า “ ลอง Ice honey latte ดูไหมครับ ที่ร้านอื่นยังไม่มี“

บรรยากาศร้านนี้ให้ความรู้สึกอันแสนแปลกประหลาด เป็นความรู้สึกลึกลับ และน่าสนเท่ห์ อาจเพราะของรอบๆร้านตกแต่งไปด้วยวัตถุโบราณ มีทั้งนาฬิกาโบราณ ถ้วยโถโอชามแบบโบราณ เครื่องต้มกาแฟโบราณ แถมโต๊ะและเก้าอี้ในร้านก็ยังใช้ของสไตล์เก่า แบบยุคเมื่อ ห้าสิบหกสิบปีที่แล้ว แลัวยังโคมไฟเก่าแก่ที่ตกแต่งหลากหลายแบบผสมผสานกัน ไหนจะกระจกพม่าบานใหญ่นั่นด้วย
เอ..ฉันชักถูกชะตากับร้านนี้ขึ้นมาแล้วสิ…


๑๓.๓๗ นาที

ฉันเริ่มต้นถามถึงเจ้าของร้าน จึงได้รู้ว่า ที่แท้สองหนุ่มที่ มีฝีมือในการชงกาแฟ ก็คือ เจ้าของร้านกาแฟ นั่นเอง
และฉันได้รู่้ต่ออีกว่า เขาทั้งสองเพิ่งเปิดร้านกาแฟเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และได้รับการต้อนรับอย่างดีจากคอกาแฟชาวเทศและชาวเชียงใหม่ทั้งหลาย

“ ผมสองคนเรียนจบมาทางศิลปะ และเคยสอนอยู่ที่ม.ช.ครับ“

นั่นเองเป็นคำตอบว่า ทำไมร้านถึงได้ถูกจัดตกแต่งอย่างมีฝีมือและรสนิยมนัก

“ ที่คิดจะเปิดร้านกาแฟ เพราะเราสองคนมีความชอบส่วนตัว ในเรื่องดื่มกาแฟ“

สุธี ให้ข้อมูลกับฉันเมื่อฉันเอ่ยถามถึงที่มาของร้าน

“ ผมเป็นคนชอบดื่มกาแฟถึงขั้นที่เรียกว่าติด ใช้เวลาอยู่ในร้านกาแฟนานๆ หมดเวลาไปกับการคุยกับเพื่อนฝูง ที่ชอบไปนั่งแลกเปลี่ยนความคิดกัน“
“ นั่นเป็นสาเหตุที่ส่วนตัวมากๆ ที่ทำให้ผมมาเปิดร้านกาแฟ คือ ผมชอบ“

วสันต์สนับสนุนขึ้น
“ อย่างการตกแต่งร้านด้วยของเก่าก็ด้วย เพราะพวกผมชอบสะสมของเก่า พอมีมากเข้า ก็มานั่งมองดูว่าจะทำอย่างไรดี ประจวบกับสุธีชวนมาทำร้านกาแฟ ผมก็เลยตกลงใจ ที่จะเอาของที่วางเต็มบ้านของผมมาจัดการเสียที (หัวเราะ) ผมหมายถึงเอามาเป็นเมนตกแต่งร้านน่ะครับ”

สุธีพยักหน้ารับและพูดต่อว่า

“ ผมว่าการแต่งร้านเป็นหัวใจและสเน่ห์ของร้านกาแฟนะครับ มันบอกถึงรสนิยม เป็นการสร้างบรรยากาศในการดื่มกาแฟ อย่างร้าน ไม่ว่าโทนสี วัสดุอุปกรณ์ต่างๆ พวกเราเลือกใช้เพื่อให้สอดคล้องกันครับ
พวกเราเรียนมาทางศิลปะ จะละเอียดถี่ถ้วนกับการตกแต่งเป็นพิเศษ“

ร้านกาแฟ ในความหมายของQueen of Cups เป็นเสมือนศูนย์กลางของคนชอบดื่มกาแฟ เป็นที่ที่คนชอบรสชาติกาแฟอันเข้มข้น สามารถมาดื่มได้ที่นี่ มานั่งดื่มพูดคุย อันสามารถเกิดสังคมย่อยๆขึ้นได้
ฉันถามต่อไปว่า ตลาดในเชียงใหม่เป็นอย่างไรบ้าง ต้อนรับดีไหม เขาทั้งสองหัวเราะขึ้นพร้อมกัน

“ ตอนแรกก็คิดหนักเหมือนกัน เพราะพวกผมสองคนไม่ใช่คนเชียงใหม่“
อ้าว..
“ จริงครับ ผมสองคนมาเรียนที่นี่ แต่ไม่อยากกลับ เพราะชอบเชียงใหม่เสียแล้ว“
นี่ละ มนต์รักเมืองเหนือ แล้วไม่กลัวหรือ เชียงใหม่เองก็มีร้านกาแฟเต็มไปหมด

“ ผมทำการบ้านกันอย่างหนักก่อนเปิดร้าน หาข้อมูลทุกอย่าง“ วสันตกล่าวยิ้มๆ

“ ลองทำกาแฟเอง ปรุงรสเอง และทดลองว่ากาแฟที่ขั้วแค่ไหนดี แบบไหนอร่อย ผมว่าเราใช้เวลามากกับมัน ไม่ใช่อยากเปิดก็เปิด เพราะฉะนั้น เราค่อนข้างภูมิใจเรื่องของรสชาติกาแฟของรัานครับ” สุธีเสริม
และวิถีชีวิตอันเรียบง่ายของคนเชียงใหม่มีอิทธิพลกับร้านกาแฟไหมละนี่?

“ มีครับ“ สุธีตอบเสียงหนัก “ มีมากด้วย เพราะเชียงใหม่เป็นเมืองที่การใช้ชีวิตไม่ต้องดิ้นรนอะไรมาก คนมีเวลาเยอะ พวกเขาใช้เวลาแค่สิบห้ายี่สิบนาทีในการไปไหนมาไหน ส่วนนี้เองทำให้พวกเขามาร้านกาแฟ มาดื่มกาแฟกันได้ง่ายๆ คือไม่เสียเวลาในการเดินทางมาก“
มิน่าเล่า ร้านกาแฟในเชียงใหม่ถึงมีมากเหลือเกิน

“ผมว่าจุดหนึ่งที่เราเห็นว่าร้านกาแฟมีมากขึ้นในเชียงใหม่ เป็นเพราะวิถีชีวิตของคนมันเปลี่ยนไป อีกอย่าง เป็นกระแสนิยมด้วย (หัวเราะ) เพราะตอนนี้มีคนที่อื่นย้ายมาอยู่เชียงใหม่เยอะขึ้น คนมาทำธุรกิจมากขึ้น นักเรียนต่างถิ่นก็มีมาก คนพวกนี้จะเปิดใจกว้าง จะพร้อมรับกาแฟในรูปแบบใหม่ และนิยมกาแฟสดมากขึ้น“ สุธีอธิบาย
“ การเติบโตของเชียงใหม่ในแง่ธุรกิจขึ้นอยู่กับคนกลุ่มใหม่กลุ่มนี้ด้วยครับ“
พูดกันถึงเรีื่องธุรกิจในเชียงใหม่ คิดอย่างไรกันบ้าง?

“ ธุรกิจขนาดย่อมเติบโตมาก คนสร้างงานกันเองมากขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจเกี่ยวกับดีไซน์ แทบจะเรียกว่าเป็นแหล่งผลิตที่ใหญ่มาก“
วสันต์เสริม
และถ้าจะให้แนะนำสำหรับใครก็ตามที่อยากจะทำธุรกิจในเชียงใหม่ละ?
“ ดีครับ เป็นเมืองที่น่าสนใจ คือ ผู้คนที่นี่มีชีวิตเรียบง่ายก็จริง แต่ชอบของใหม่อยู่เสมอ เพราะฉะนั้น คุณจะต้องกระตือรือล้นอยู่ตลอดเวลา ลูกค้าอาจจะมากในตอนแรก แต่ก็อาจจะหายไปเลย ไปนั่งอยู่ร้านใหม่ก็ได้ ส่วนใหญ่นักธุรกิจจะเจอคนเชียงใหม่ปราบเซียนด้วยวิธีนี่ละ“ วสันต์พูดจบและหัวเราะ สุธีพูดต่อว่า
“ ร้านนี้พวกผมทำด้วยใจรัก เราเอารสกาแฟเป็นตัวมัดใจลูกค้า คนเชียงใหม่จะเห่ออะไรเป็นพักๆจริงๆ แล้วก็จะเสื่อมความนิยมลง ตัวอย่างแบบนี้ ร้านอาหารมีเยอะมาก เปิดใหม่และปิดตัวลงอยู่ตลอดเวลา“
“ แต่ข้อดีก็มีอยู่นะครับ ผมมองจากร้านกาแฟผมนะ เพราะที่เชียงใหม่เราไม่่จำเป็นต้องลงทุนสูงมาก ความเสี่ยงน้อยลง แต่ต้องใช้ความคิดเยอะ เพื่อให้ประโยชน์ต่อผู้บริโภค ความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว จึงจำเป็นมาก ที่ร้านกาแฟจะต้องมีครับ!“
สุดท้าย สุธีและวสันต์ทิ้งท้ายไว้ สำหรับคนที่อยากจะเปิดร้านกาแฟว่า

“ ต้องมีความชอบส่วนตัวนะ อันนี้ผมยืนยัน เพราะถ้าชอบ และมีเงินทุนนิดหน่อย มองหาทำเลดีๆ ก็ทำได้เลย แต่ต้องทำการบ้านเยอะม๊าก (หัวเราะ) ต้องคิดว่าเราจะให้คนดื่มกาแฟที่ดีที่สุดได้อย่างไร และนอกจากรสชาติของกาแฟ เราให้อะไรกับลูกค้าบ้าง เช่น บริการที่ดีเป็นต้น“
นั่นคือ ความคิดในแง่มุมหนึ่ง ของชายหนุ่มสองคน ที่กำลังก่อร่างสร้างฐานอยู่เมืองเชียงใหม่นี่

๒๐.๐๐ นาที

ฉันนั่งรถยนต์ของเพื่อนกลับบ้าน
และต้องข้ามฟากข้ามสะพานนวรัฐผ่านแม่น้ำปิง
ฉันเห็นแสงไฟสีส้มของร้านอาหารเรืองรองสะท้อนในน้ำเป็นแสงสีสวยวูบวาบ
………………..
ครั้งหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ เชียงใหม่เป็นเมืองศูนย์กลางการค้าใหญ่ ประกอบไปด้วยพ่อค้าจากหลายหัวเมือง
ในอดีต เชียงใหม่เป็นเมืองเอกที่ประชาชนล้านนาจะติดต่อค้าขายกับพม่า และแลกเปลี่ยนสินค้ากัน
……………
ยามนี้..
พม่ากำลังจะเปิดน่านฟ้า กำลังจะเปิดตัวสู่สังคมโลก กำลังจะปรับปรุงพัฒนาประเทศ ซึ่งแน่นอน เชียงใหม่จะกลับมาเป็นเมืองท่าใหญ่อีกครั้งหนึ่ง
ยามนี้..
อดีตที่ถูกเก็บเงียบถึงความอลังการของล้านนาจะถูกรื้อฟื้นกลับขึ้นมาอีก
……
ใบไม้กำลังผลิงามในแผ่นดินเหนือนี้อีกครั้ง
พร้อมกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึก ด้วยใจที่รักจะถนอมไว้ ของคนชาวล้านนา…
………………………

กาแฟสูตรพิเศษจากร้าน Queen of Cups coffee
Ice Honey Latte (ราคา 55 บาท)

กาแฟขั้วเข้ม
นมสด
น้ำผึ้ง
ฟองนม
และ หยดน้ำผึ้งประมาณ หนึ่งช้อนโต๊ะ เพื่อตกแต่งกาแฟ


Coffee Recipe from Queen of Cups coffee,
at Nimmahemin Road,Chiangmai,Thailand

Ice Honey Latte ( 55 bath)
Roast dark coffee (4 or 5)
Milk
Honey
Floating milk
And one spoon of honey for decoration

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น