วันอาทิตย์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

Afternoon tea therapy ดื่มชา บำบัดใจ

\
"If you are cold, tea will warm you,
If you are too heated, it will cool you,
If you are depressed, it will cheer you,
If you are exhausted, it will calm you."

“ถ้าคุณหนาว, ชาจะทำให้คุณอุ่น ถ้าคุณรู้สึกร้อนรุ่ม ชาจะทำให้คุณเย็นได้, ถ้าคุณอยู่ในความสลดหดหู่ ชาจะทำให้คุณสดชื่น และถ้าคุณรู้สึกเหนื่อยล้า ชาจะทำให้คุณผ่อนคลาย..” จาก วิลเลี่ยม เกลดสโตน


ในช่วงสามสี่ปีมานี้ ได้ยินคนข้างตัว เพื่อนข้างกาย ร้องหาที่บำบัดจิตบำบัดกายกันวุ่นวายไปหมด เพื่อนหลายคนเลือกเดินทางสายธรรม ไปนั่งปฎิบัติธรรมนั่งวิปัสนา และยืนยันว่าได้ผลดี คือทำให้รู้จักใช้สตินำกาย อันเป็นหัวใจหลักของการดำเนินชีวิต เพื่อนบางคนเลือกออกกำลังกายด้วยโยคะ ที่มีผลเห็นได้ชัดเจนจากรูปร่างที่ได้สัดส่วน ผิวพรรณผ่องใส เนื่องจากได้ฝึกหัดใช้ใจรวมกับกายเป็นหนึ่งเดียวกัน
อาจจะเป็นเพราะว่าปีหลังๆ มานี้ ประเทศไทยเองก็แสนจะวุ่นวาย นอกประเทศก็แสนจะวิกฤต บางทีความเคร่งเครียดอาจจะเข้ามาครอบคลุมถึงในบ้านได้ง่ายกว่าที่คิด
จึงเห็นได้ชัดเจนว่่า กิจกรรมที่จะทำให้หายเครียดหรือบำบัดใจนั้น มีให้เลือกหลากหลายและเริ่มทะยอยโปรโมทด้วยวิธีใหม่ๆ ให้น่าสนใจมากขึ้นด้วย

อันที่จริง การบำบัด สามารถทำได้จากเรื่องง่ายๆ ใกล้ตัว และสามารถทำได้ทุกวัน แต่เราอาจจะคิดไม่ถึงว่าการพูดคุยโทรศัพท์กับเพื่อน การดูหนังฟังเพลง การไปดูหมอดู สิ่งเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นเครื่องช่วยบำบัดบรรเทาความเครียดทั้งนั้น
และในฉบับนี้่ อยากจะแนะนำถึงการบำบัดใจด้วยวิถีง่ายๆ คือ การดื่มชายามบ่าย ค่ะ

“ชา” มีต้นกำเนิดจากประเทศจีน โดยมีจักรพรรดิเสิน หนุง เป็นผู้ค้นพบเครื่องดื่มชาเป็นคนแรก และเริ่มแพร่หลายในหมู่พระญี่ปุ่นที่เดินทางกลับจากจีน พวกเขาต่างเชื่อกันว่า การผสมผสานกันระหว่างนำ้ร้อน และใบชาที่หอมในจังหวะที่เหมาะสมนั้น ถือเป็นศิลปะชัั้นสูงในการทำให้เกิดสมาธิค่ะ
“ชา” ยังข้ามไปยังอินเดีย และ ก็มาถึงยุโรป เริ่มที่โปรตุเกศ และ ฮอลแลนด์ และหลังจากนั้น ก็แพร่หลายทั่วไปในยุโรป คนตะวันตกนิยมดื่มชากันจนถึงกับเป็นธรรมเนียมนิยม ว่ากันว่า ชาไม่มีการแบ่งชนชั้นวรรณะ คนทุกชนชั้นจะต้องรู้จักการดื่มชาเท่าเทียมกันค่ะ

แต่สำหรับประเพณีการดื่มชาตอนบ่ายๆ เห็นจะเริ่มจากประเทศอังกฤษ ในสมัยของควีนวิกทอเลียเป็นแห่งแรกค่ะ
เรื่องการดื่มชายามบ่ายนั้น มีที่มาจากดัสเชส แอนนา แห่งเบดฟอร์ดค่ะ ต้องเล่าว่า สมัยก่อนในยุคของควีนวิกทอเลียนั้น ชาวอังกฤษนิยมสูตรการทานข้าวอย่างนี้ค่ะ มื้อเช้า- ทานหนัก มื้อเที่ยง- ทานน้อย มื่อค่ำ- ทานหนัก
เป็นสูตรยอดนิยมใช้กันทุกชนชั้นวรรณะ และที่แปลกคือ มื้อค่ำจะเริ่มทานกันตั้งแต่ สองหรือสามทุ่มขึ้นไปค่ะ ที่นี้ลองนึกตามดูนะคะ ว่ามื้อเที่ยงทานน้อย และกว่าจะทานมื้อค่ำ ก็ตั้งสองสามทุ่ม ทำให้มีเวลาห่างกันตั้ง 8- 9 ชั่วโมง และเพราะเหตุผลนี้เองละค่ะ ทำให้เกิดประเพณีดื่มชาตอนบ่ายขึ้นมา เริ่มจากที่ดัสเชสแอนนา ทรงเกิดอาการหิวบ่อยๆ ในเวลาตอนบ่ายๆ ดัสเชสจึงแก้ด้วยวิธีเรียกให้เสริฟชาในเวลาบ่ายสามโมง และนิยมเสวยชากับแซนวิช ขนมเค้ก สคอน ขนมปังปิ้งกับเนยและแยม เมื่อเสวยแล้วก็รู้สึกทรงอิ่มท้องและสบายพระวรกายขึ้น จากนั้นดัสเชสก็ทรงเชิญพระญาติหรือพระสหาย มาร่วมวงดื่มชาและอาหารว่างด้วยกันในเวลาบ่ายสามโมงเป็นประจำจนกลายเป็นแฟชั่นแพร่หลายไปสู่สังคมต่างๆ อย่างรวดเร็ว

สำหรับสาวๆในยุคนั้น การพบปะยามบ่ายเพื่อดื่มชาถือเป็นโอกาสที่จะพูดคุยและแลกเปลี่ยนความรู้ต่อกัน การดื่มชายามบ่าย จึงเป็นเสมือนสังคมเล็กๆ ที่เหล่าสาวๆ จะได้เปิดหูเปิดตารับข้อมูลใหม่ๆ ส่วนหนุ่มๆ มักไปรวมตัวกันที่ coffee house ถึงขนาดมีคำกล่าวว่า “หนึ่งเพนนี แลกได้กับจักรวาล” พูดง่ายๆ คือ คุณจ่ายเงินแค่หนึ่งเพนนีสำหรับชาหรือกาแฟหนึ่งแก้ว แต่สามารถนั่งอ่านหนังสือพิมพ์ ได้พบเจอพูดคุยเรื่องมีสาระกับคนเก่งๆ หรือ คุยเรื่องธุรกิจก็ยังได้ หลายคนในหน้าประวัติศาสตร์ เช่น ศิลปิน นักปรัชญา และ นักการเมืองก็ได้บันทึกมาแล้วว่า พวกเขาได้ความคิดอันเฉียบคม มาจากบทสนทนาใน คอฟฟี่ เฮ้าท์ ค่ะ

ที่นี้มาพูดถึงเรื่องลักษณะของการดื่มชากันบ้าง คุณๆ อาจจะเคยอ่านหรือเห็นคำว่า Low Tea กับ High Tea ใช่ไหมคะ? บางที อาจจะคิดว่า อ้อ ไฮร์ ที น่าจะเป็นการดื่มชาชั้นสูงหรืออะไรที่มันเริิ่ดๆ แต่ขอบอกว่า ไม่ใช่เลยค่ะ ชายามบ่ายที่เริ่มเสริฟ ในเวลาบ่าย 3 โมง ถึง 5 โมง เย็น พร้อมกับแซนวิช และ เค้ก นั้น เราเรียกว่า Low Tea หรือก็คือ Afternoon tea ค่ะ และ ยังมีอีกลักษณะหนึ่งที่คล้ายๆ กันกับ low tea เรียกกันว่า Cream Tea ค่ะ แหม ชื่อฟังดูน่าทานใช่ไหมคะ? Cream Tea จะมีการเสริฟคล้าย Low Tea หมดทุกอย่าง ยกเว้นแต่นิยมเสริฟชากับสคอนอย่างเดียวไม่มีเค้กหรือแซนวิช และจะเสริฟสคอนกับครีมพิเศษที่เรียกว่า Clotted Cream คือ ครีมที่มีรสชาติหวานมันนุ่มลิ้นอุดมไปด้วยพลังงาน ส่วน High Tea นั้น ความจริงแล้ว เป็นมื้อชาสำหรับชนชั้นทำงานค่ะ เพราะว่ากว่าจะได้ทานข้าวเย็นก็แทบจะเรียกว่าค่ำแล้ว และตลอดทั้งวันก็ทำงานหนัก เลยดื่มชาพร้อมกับอาหารเย็นซะเลย ส่วนใหญ่จะทานกับอาหารหนักๆ เช่น ไก่อบ หมูอบ กับ มันฝรั่งบด เพราะฉะนั้น ถ้าคุณๆ ไปดื่มชาที่ร้านไหนแล้วเห็นคำว่า High Tea ก็ให้เข้าใจตรงกันว่า เสริฟชาพร้อมอาหารหนักนะคะ เรื่องตรงนี้ ดิฉันเคยหน้าแตกหนหนึ่งสมัยเรียนที่ลอนดอนใหม่ๆ เคยเดินเริ่ดเชิ่ดหยิ่งตั้งใจจะไปดื่มชา ในร้านชาชื่อดังที่ชื่อว่า “ Fortnum and Mason” ดิฉันไปราวๆ สิบเอ็ดโมงครึ่ง ถามหาชามาดื่ม เขาก็ตอบว่า “ยังไม่ถึงเวลาเสริฟชา ต้องเริ่มตั้งแต่บ่ายสองโมงขึ้นไป ตอนนี้มีแต่อาหารขาย” เป็นอันว่าดิฉันต้องถอยทับกลับบ้านไปก่อน จากนั้นหนึ่งอาทิตย์ถัดไป ดิฉันกลับไปอีก ถึงที่ร้านเดิมราวๆ บ่ายสามโมง หิวก็หิว เลยตั้งใจจะสั่งพาสต้าครีมเห็ดมาทานกับชา ปรากฏเขาตอบกลับมาว่า
“ มาดาม เราไม่เสริฟอาหารหนักในเวลานี้ ถ้ามาดามอยากดื่มชากับอาหารหนัก ต้องกลับมาตอนหกโมง ถึงจะได้ทาน”
สุดท้าย ดิฉันต้องทานสลัดกุ้งกับนำ้ชาแทนในมื้อนั้น แต่ก็นับว่าอิ่มไปได้ถึงมื้อเย็น
เอาละค่ะ เป็นอันว่าพอจะเห็นภาพของ Afternoon tea แล้วนะคะ
มาต่อกันที่พิธีรีตองอันเป็นธรรมเนียมล็กๆ น้อยๆ ของการดื่มชาค่ะ เช่น
- เมื่อปรุงชาในแก้วชาเสร็จแล้วให้คนตามเข็มนาฬิกาสองรอบ แล้วจึงวางช้อนไว้ข้างแก้วชา
- ถ้าจะดื่มชากับมะนาวที่ฝานเป็นชิ้นเล็กๆ ให้รินชาลงในแก้วก่อนจะใส่มะนาวฝาน และ ไม่ควรเติมนมลงในชาที่ใส่มะนาวฝาน เพราะกรดในมะนาว จะทำปฎิกิริยากับโปรตีนในนมค่ะ
- ถ้านั่งโต๊ะและดื่มชา เวลายกชาดื่ม อย่ายกพร้อมที่รองนะคะ ให้ยกแต่ตัวแก้วดื่มเฉยๆ แต่ถ้าดื่มชาแบบเก้าอี้ดนตรี ให้ยกที่รองแก้วขณะดื่มชาได้ค่ะ โดยให้แก้วชาอยู่ในมือขวา และ ที่รองแก้วอยู่มือซ้ายค่ะ

การได้ดื่มชาในยามบ่ายนั้น เหมือนเป็นช่วงเวลาพักที่เราทุกคนต้องการในช่วงหนึ่งของวัน สำหรับดิฉันการได้พูดคุยสนทนากับเพื่อนฝูง ก็ถือว่าเป็นการบำบัดใจคลายเคลียดไปได้หนึ่งอย่างแล้ว ยิ่งถ้าได้ดื่มน้ำชาหอมๆ พร้อมกับขนม หรือ อาหารว่าง ก็ยิ่งทำให้มีพลังความคิดสร้างสรรค์เพิ่มขึ้นได้อีกค่ะ เพราะชานอกจากจะดื่มเพื่อให้เกิดความสุขต่อจิตใจแล้ว ยังเพิ่มพลังในกายคุณด้วยคุณค่าของสมุนไพรในตัวชาด้วยค่ะ
ถ้าชีวิตสามารถหาความสุขได้โดยง่าย แค่ได้พบได้พูดคุยกับคนที่รักที่สนิทสนม ได้ดื่มน้ำชารสดี ในยามบ่ายที่ร่างกายเริ่มอ่อนล้าและต้องการพลังงาน ดิฉันก็พอใจกับความสุขเล็กๆนี้แล้วค่ะ
และสำหรับคำพูดที่ว่า
“ หนึ่งเพนนี แลกได้กับจักรวาล” คงหมายถึง แลกได้กับโลกแห่งความสุข ที่เกิดขึ้นแค่ช่วงหนึ่งของวัน ความสุขที่เกิดขึ้นได้ง่าย แค่จ่ายหนึ่งเพนนีค่ะ.


Tip วิธีชงชาที่ถูกต้องและอร่อยได้ใจแบบสไตล์อังกฤษ
1. ให้ใช้น้ำร้อนที่ใหม่จริงๆ ห้ามใช้น้ำที่เคยเดือดไปแล้วนำมาต้มอีก
2. เติมน้ำร้อนที่เดือดใหม่ๆ ใส่ลงในกาน้ำชา
3. ให้เลือกใบชาที่ชอบ อาจจะผสมกันกันได้ เช่น ใบชาจีน กับ ดอกกุหลาบแห้ง และตักใบชาที่ผสมแล้วประมาณ 1 ช้อนชาใส่ลงในกาน้ำชาร้อนๆ
4. รอให้ใบชากับน้ำร้อนผสมผสานกันในกาน้ำชา ตั้งเวลาไว้ที่ 5 นาที
5. ระหว่างนั้น ให้ใส่นมสดลงในถ้วยน้ำชา ประมาณครึ่งหรือหนึ่งช้อนชา (อย่าใช้นมพร่องมันเนย)
6. ถ้าชอบหวานให้เติมน้ำตาลลงในแก้วชาได้ แต่ไม่ควรเกิน 1 ช้อนชา
7. ค่อยๆ เทชาจากกาน้ำชาลงในถ้วยน้ำชาขณะเทให้ปากของกาน้ำชาห่างจากแก้วน้ำชาสัก 1 ซม.
8. ค่อยๆ คนชาตามเข็มนาฬิกาสองครั้ง และวางช้อนคน ไว้ข้างๆ แก้ว

2 ความคิดเห็น:

  1. Online Casino Site | Lucky Club Live
    Play Online Casino with Lucky Club and enjoy over 250 games! Sign up today to receive a 200% match deposit luckyclub bonus. Claim your welcome bonus!✔️ Play Lucky Club

    ตอบลบ
  2. Casinos near Casino Wylde, Iowa - Mapyro
    Find the closest 구미 출장마사지 casinos to Casinos 속초 출장마사지 near Casino Wylde, Iowa in realtime and 대구광역 출장샵 see activity. Zoom in or 경상남도 출장샵 zoom out. 여수 출장샵

    ตอบลบ